น้องแมวไม่กินข้าวกี่วันต้องพาหาหมอ

น้องแมวไม่กินข้าวกี่วันต้องพาหาหมอ

โดย watcharin.c@deccogroup.com
06 Oct 2025
เจ้าของแมวหลายคนคงเคยเจอสถานการณ์ที่น้องแมวไม่ยอมกินอาหาร ทั้งที่เมื่อวานยังกินได้ดี บางครั้งอาจแค่เบื่อแต่บางทีก็อาจเป็นสัญญาณของ ปัญหาสุขภาพที่ควรรีบพบสัตวแพทย์ แมวเป็นสัตว์ที่ซ่อนอาการป่วยเก่ง การ “ไม่กินข้าว” แม้เพียง 1–2 วัน อาจทำให้ร่างกายอ่อนแรงและเสี่ยงภาวะตับวายได้ หากเจ้าของไม่สังเกตให้ทัน ดังนั้น การรู้ว่าสาเหตุที่แมวไม่กินข้าวคืออะไรและเมื่อไหร่ควรพาไปหาหมอ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรเข้าใจ บทความนี้จะพาไปดูทั้งสาเหตุของอาการเบื่ออาหาร วิธีช่วยให้น้องกลับมากินข้าวและแนวทางตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์ เพื่อให้คุณดูแลเพื่อนสี่ขาได้อย่างถูกวิธี

สาเหตุที่แมวไม่กินข้าว

   การที่น้องแมวไม่ยอมกินอาหารอาจมีหลายสาเหตุ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆไปจนถึงปัญหาสุขภาพร้ายแรง เจ้าของจึงควรรู้และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เพื่อหาต้นตอของปัญหาให้ถูกต้อง โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ความเครียดหรือสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป แมวเป็นสัตว์ที่ไวต่อสิ่งแวดล้อม หากมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ย้ายบ้าน มีสมาชิกใหม่ หรือมีเสียงดังรบกวน อาจทำให้น้องเครียดและ เบื่ออาหารชั่วคราว ได้
  • เบื่ออาหารจากอาหารเดิมๆ บางครั้งแมวไม่กินข้าวเพราะเบื่อรสชาติเดิม โดยเฉพาะถ้าให้ยี่ห้อเดียวทุกวัน ลองเปลี่ยนรสชาติหรือรูปแบบ เช่น จากอาหารเม็ดเป็นอาหารเปียกหรืออุ่นอาหารให้หอมขึ้น ก็ช่วยกระตุ้นให้น้องอยากกินได้
  • ปัญหาในช่องปาก ฟันโยก เหงือกอักเสบ หรือมีกลิ่นปาก อาจทำให้แมวเจ็บเวลากินอาหารจนไม่ยอมกิน ควรสังเกตว่ามีกลิ่นปากแรง หรือน้ำลายมากผิดปกติหรือไม่
  • อาการป่วยหรือความผิดปกติในร่างกาย เช่น มีไข้ ไตวาย โรคตับ ลำไส้อักเสบ พยาธิ หรือเชื้อไวรัสในร่างกาย มักมีอาการร่วม เช่น ซึม อาเจียน น้ำหนักลด หรือถ่ายเหลว
  • หลังฉีดวัคซีนหรือผ่าตัด แมวอาจไม่สบายตัวและเบื่ออาหารชั่วคราว โดยทั่วไปจะดีขึ้นภายใน 24–48 ชั่วโมง หากเกินกว่านั้นและยังไม่กิน ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์
  • สาเหตุอื่นๆ ที่อาจไม่คาดคิด เช่น อาหารบูดหรือเสีย มีสิ่งแปลกปลอมในชาม กลิ่นอาหารแรงเกินไป หรือ อากาศร้อนจัด ก็อาจทำให้แมวไม่อยากกินอาหารได้เช่นกัน

เมื่อไหร่ควรเป็นห่วงน้องแมว?

   อาการแมวไม่กินข้าวอาจดูเล็กน้อย แต่แมวไม่สามารถอดอาหารได้นานเหมือนคน หากไม่ยอมกินเกิน 24–48 ชั่วโมง อาจเสี่ยงภาวะ ตับวายจากการอดอาหาร ซึ่งอันตรายถึงชีวิตได้ จึงควรเริ่มเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

 สัญญาณที่ควรเริ่มสังเกตอย่างใกล้ชิด

  • ไม่กินอาหารต่อเนื่อง เกิน 48 ชั่วโมง ถือเป็นสัญญาณอันตราย เพราะแมวไม่สามารถสะสมพลังงานได้เหมือนคน การอดอาหารนานอาจทำให้เกิดภาวะตับวายจากไขมันสะสม ซึ่งอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากไม่กินข้าวแม้เพียง 1 วัน ควรเริ่มสังเกตและเตรียมพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
  • ซึม ไม่เล่นเหมือนเดิมหรือหลบซ่อน แมวปกติจะชอบเคลื่อนไหวและเล่นกับเจ้าของ หากเริ่ม หลบมุม ไม่ตอบสนอง หรือเอาแต่นอน อาจกำลังไม่สบาย เช่น ปวดฟัน ท้องอืด หรือมีไข้ หากหลบซ่อนตลอดทั้งวัน นั่นคือสัญญาณชัดว่า แมวป่วย แล้ว
  • อาเจียน ถ่ายเหลว หรือมีเลือดปนในอุจจาระ อาการเหล่านี้บ่งบอกถึงปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เช่น กระเพาะอักเสบ ลำไส้อักเสบ หรือพยาธิในลำไส้ หากปล่อยไว้อาจทำให้ขาดน้ำและสารอาหาร ควรสังเกตสีอุจจาระหากมีสีดำเข้มหรือเลือดปนให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
  • มีไข้ ตัวร้อน หรือหายใจผิดปกติ แมวที่มีไข้มักตัวร้อนกว่าเดิม (อุณหภูมิเกิน 39°C) และอาจหายใจถี่หรือแรงผิดจังหวะ ซึ่งเป็นสัญญาณของ การติดเชื้อหรืออักเสบในร่างกาย เช่น ไวรัสหรือโรคทางเดินหายใจ หากจับหูหรือท้องแล้วร้อนจัดและหายใจเร็ว ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที
  • น้ำหนักลดหรือขนร่วงผิดปกติ หากแมวน้ำหนักลดรวดเร็วโดยไม่ได้ลดอาหาร อาจเป็นสัญญาณของโรคภายใน เช่น ไตวาย เบาหวาน หรือไทรอยด์ทำงานเกิน ส่วนขนร่วงมากอาจเกิดจากความเครียดหรือขาดสารอาหาร ควรชั่งน้ำหนักแมวทุกเดือนเพื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น
  • น้ำลายมาก มีกลิ่นปากแรง หรือกลืนอาหารแล้วร้อง อาจเกิดจาก ฟันโยก เหงือกอักเสบ หรือแผลในช่องปาก ทำให้เจ็บเวลาเคี้ยวและไม่ยอมกินอาหาร ควรพาไปตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อลดปัญหาการติดเชื้อและปวดฟัน

วิธีกระตุ้นให้น้องแมวกินข้าว

   เมื่อเจอสถานการณ์ “แมวไม่กินข้าว” เจ้าของไม่จำเป็นต้องตกใจทันที เพราะบางครั้งอาจเกิดจากสาเหตุเล็กๆ ที่แก้ไขได้เองที่บ้านก่อนพาไปหาสัตวแพทย์ ลองใช้วิธีเหล่านี้เพื่อช่วยกระตุ้นให้น้องกลับมากินอาหารได้อีกครั้ง

  • ปรับอาหารให้น่ากินขึ้น แมวมีประสาทรับกลิ่นไว การเพิ่มกลิ่นอาหารช่วยกระตุ้นความอยากกินได้ เช่น อุ่นอาหารเปียกให้พออุ่น เติมน้ำซุปไก่หรือน้ำปลาทูน่าเล็กน้อย (ไม่ปรุงรส) หรือ ผสมอาหารเม็ดกับอาหารเปียก เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและควรหลีกเลี่ยงอาหารคนหรือของปรุงรส เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตับและไตของแมว
  • เปลี่ยนรสชาติหรือยี่ห้ออาหารบ้าง แมวบางตัวเบื่ออาหารง่าย หากกินเมนูเดิมทุกวัน ลองเปลี่ยนรสชาติ เช่น จากปลาแซลมอนเป็นไก่ หรือสลับจากอาหารเม็ดเป็นอาหารเปียก เพื่อเพิ่มความแปลกใหม่ ควรเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไปภายใน 3–5 วัน เพื่อป้องกันอาการท้องเสีย
  • ป้อนอาหารด้วยมือหรือช้อน แมวบางตัวอาจต้องการความใส่ใจจากเจ้าของ การป้อนอาหารด้วยมือหรือใช้ช้อนเล็ก ๆ ป้อนทีละคำจะช่วยให้น้องรู้สึกปลอดภัยและยอมกินข้าวมากขึ้น โดยเฉพาะแมวที่เพิ่งเจ็บป่วยหรืออยู่ในช่วงพักฟื้น
  • จัดบรรยากาศให้สงบและเป็นส่วนตัว แมวบางตัวไม่กินข้าวเพราะเครียดจากสิ่งรบกวน เช่น เสียงดัง คนพลุกพล่าน หรือมีสัตว์เลี้ยงตัวอื่น ควรจัดมุมกินอาหารให้เงียบสงบ และตั้งชามให้ห่างจากกระบะทรายกับชามน้ำ สภาพแวดล้อมที่สงบช่วยให้น้องรู้สึกผ่อนคลายและอยากกินมากขึ้น
  • รักษาความสะอาดของชามอาหารและน้ำ แมวเป็นสัตว์รักสะอาดมาก หากชามอาหารมีกลิ่นอับหรือคราบมัน น้องอาจไม่อยากแตะอาหารเลย ควรล้างชามอาหารและเปลี่ยนน้ำสะอาดทุกวัน รวมถึงตรวจดูว่าอาหารไม่บูดหรือหมดอายุ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์กระตุ้นความอยากอาหาร (ภายใต้คำแนะนำสัตวแพทย์) หากแมวยังไม่กินอาหารแม้ลองหลายวิธีแล้ว สามารถปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับการใช้ วิตามินหรือยากระตุ้นความอยากอาหารสำหรับแมว ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเริ่มตอบสนองต่ออาหารได้ดีขึ้น
  • เมื่อวิธีข้างต้นไม่ช่วย ควรพาไปหาหมอ หากแมวไม่กินข้าวติดต่อกันเกิน 1–2 วัน หรือมีอาการร่วม เช่น ซึม อาเจียน น้ำหนักลด ควรรีบพาไปพบ สัตวแพทย์ เพื่อหาสาเหตุทางสุขภาพโดยตรง เช่น ตรวจเลือด ตรวจช่องปาก หรือเอกซเรย์ช่องท้อง

การตรวจสุขภาพน้องแมวที่คลินิก

   เมื่อเจ้าของพาน้องแมวที่ไม่กินข้าวไปพบสัตวแพทย์ ขั้นตอนการตรวจสุขภาพจะช่วยให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการ “แมวเบื่ออาหาร” ว่ามาจากภาวะทางร่างกาย จิตใจ หรือโรคที่ต้องได้รับการรักษาโดยเฉพาะ

  • ซักประวัติและพฤติกรรม สัตวแพทย์จะเริ่มจากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น เช่น แมวไม่กินข้าวมากี่วัน เคยอาเจียนหรือถ่ายผิดปกติไหม กินอาหารแบบใด และมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ข้อมูลที่ละเอียดช่วยให้แพทย์ประเมินสาเหตุได้แม่นยำยิ่งขึ้น
  • ตรวจร่างกายทั่วไป แพทย์จะตรวจอุณหภูมิ หัวใจ การหายใจ และสภาพร่างกายโดยรวม รวมถึงสังเกตลักษณะขน ดวงตา เหงือก และช่องปาก ว่ามีอาการอักเสบ เจ็บ หรือมีกลิ่นผิดปกติหรือไม่ ปัญหาช่องปากเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้แมวไม่กินข้าวโดยไม่รู้ตัว
  • ตรวจเลือดและปัสสาวะ หากสงสัยว่า “แมวป่วยจากโรคภายใน” เช่น โรคไต ตับ หรือเบาหวาน แพทย์จะเก็บตัวอย่างเลือดและปัสสาวะเพื่อตรวจดูค่าการทำงานของอวัยวะต่างๆ การตรวจนี้ช่วยให้รู้สาเหตุได้อย่างชัดเจนและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  • ตรวจอุจจาระหรือเอกซเรย์ ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ตรวจอุจจาระเพื่อดูพยาธิ หรือเอกซเรย์ช่องท้องเพื่อดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมอุดตันในลำไส้หรือไม่ โดยเฉพาะในกรณีที่แมวไม่กินข้าวร่วมกับอาเจียนบ่อย
  • ประเมินสภาวะจิตใจและความเครียด แมวบางตัวไม่กินข้าวเพราะเครียดจากสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนที่อยู่ หรือแม้แต่การขาดความสนใจจากเจ้าของ แพทย์อาจแนะนำให้ปรับพฤติกรรมหรือใช้ผลิตภัณฑ์ลดความเครียด เช่น สเปรย์ฟีโรโมน เพื่อช่วยให้น้องรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
  • การรักษาและคำแนะนำหลังตรวจ เมื่อทราบสาเหตุสัตวแพทย์จะวางแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เช่น ให้ยากระตุ้นความอยากอาหาร ให้สารรักษาโรคต้นเหตุหรือแนะนำอาหารเฉพาะโรคที่ย่อยง่าย ห้ามหยุดยาหรือเปลี่ยนอาหารเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้อาการกลับมาเป็นซ้ำได้

สรุป

   อาการ “แมวไม่กินข้าว” อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ความเครียด เบื่ออาหาร ปัญหาช่องปาก ไปจนถึงโรคภายในที่อันตราย หากแมวไม่กินต่อเนื่องเกิน 1–2 วัน หรือมีอาการร่วม เช่น ซึม อาเจียน น้ำหนักลด ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธี การดูแลแมวให้สุขภาพดี ควรตรวจสุขภาพประจำปี สังเกตพฤติกรรมการกินและรักษาความสะอาดของชามอาหารเสมอ เพราะการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา เมื่อเจ้าของใส่ใจตั้งแต่สัญญาณเล็กๆ น้องแมวก็จะได้กลับมากินเก่ง ร่าเริง และมีความสุขในทุกๆ วัน

แชร์:

Author

w
creative

watcharin.c@deccogroup.com

contact@healthhub.com

Related posts